วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

NIKE มีความเป็นมาอย่างไรลองไปดูกัน

 

NIKE มีความเป็นมาอย่างไรลองไปดูกัน

NIKE มีความเป็นมาอย่างไรลองไปดูกัน

NIKE มีความเป็นมาอย่างไรลองไปดูกัน

วันนี้ทางเราจะพาทุกท่านไปดูว่าวิวัฒนาการของ NIKE ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์ดังมาก ๆแบรนด์หนึ่งของโลกที่มีสินค้าออกมาให้เหล่าแฟนๆได้ติดตามกันทั้ง รองเท้า , อุปกรณ์ที่ใช้ในการแข่งและเสื้อผ้าที่ใช้สวมใส่หรือแม้กระทั่งชุดลำลองสวย ๆ ก็มีให้เลือกใส่กันมากมาย ซึ่งในปัจจุบัน สำนักงานใหญ่ของ NIKE ตั้งอยู่ที่รัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา โดยมี John Donahoe เป็นประธาน CEO ของบริษัทในปัจจุบัน ซึ่งในปี 2019 ที่ผ่านมานี้ NIKE มีมูลค่า 32,400 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2018 ถึง 16% และยังเป็นอันดับ1ของแบรนด์เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกอีกด้วย ซึ่งเราจะพาไปดูว่ากว่าที่จะมีได้เหมือนทุกวันนี้ NIKE มีความเป็นมาอย่างไรลองไปดูกัน

ความเป็นมาของ NIKE

การเริ่มต้นของ NIKE เริ่มต้นในปี 1948 โดย Bill Bowerman ซึ่งขณะนั้นเขาเป็นนักกีฬาโอลิมปิกที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกถึง 6 เหรียญ ในนามทีมชาติของสหรัฐอเมริกา และเป็นโค้ชทำงานให้กับมหาวิทยาลัยโอเรกอน เขาได้ร่วมมือกับ Phil Knight ซึ่งเป็นนักกีฬาวิ่งของมหาวิทยาลัยในขณะนั้น  ซึ่งแนวคิดของทั้งคู่ในขณะนั้นคือต้องการสร้างรองเท้าที่พวกเขาสร้างต้องมีน้ำหนักเบาและทนทานในการใช้งานสูง

ต่อมาในปี 1962 ช่วงนั้นสินค้าจากเยอรมันได้รับความนิยมมากเรียกได้ว่าเป็นผู้ครองตลาดเครื่องกีฬาในขณะนั้น เพราะสินค้ามีคุณภาพดีแต่มีต้นทุนสูงมาก แต่ทาง Phil Knight ได้พบว่ารองเท้าที่ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีและแถมยังมีต้นทุนในการผลิตที่ถูกกว่าทางเยอรมันอีกด้วย แบรนด์นั้นก็คือ Onitsuka Tiger ซึ่ง Phil Knight ก็ไม่รอช้าได้ทำการติดต่อไปยังโรงงานของ Onitsuka Tiger ซึ่งในขณะนั้นสินค้าพวกเขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็น   แบรนด์รองเท้ากีฬาชื่อดังของญี่ปุ่นอยู่แล้วด้วย และต้องการขยายการตลาดไปยังประเทศต่าง ๆ เป็นทุนเดิม จึงทำให้เกิดการขยายตลาดของ Onitsuka มาทางสหรัฐฯ ขึ้นมา

ในช่วงก่อตั้งบริษัทใหม่ ๆ Phil Knight ใช้ชื่อแบรนด์ว่า Blue Ribbon Sports หรือ BRS ซึ่งเขาได้จดทะเบียนบริษัทอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 มกราคม 1964  ในนามว่า BRS Inc โดย Phil Knight ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลด้านการตลาดของบริษัท และทาง Bill Bowerman รับหน้าที่วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์รวมถึงการออกแบบรองเท้ากีฬาอีกด้วย

ต่อมาในปี1970  ทาง Bill Bowerman ได้นำเครื่องอบ Waffle มาใช้ทำพื้นรองเท้ายางของรองเท้าที่พวกเค้าผลิต ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ในสมัยนั้น ซึ่งเรียกว่าเป็นปรากฏการที่สะเทื่อนวงการเลยทีเดียวและเพียง 1 ปีให้หลัง Bill Bowerman ก็ได้แยกตัวมาจัดตั้งบริษัทใหม่ของตัวเขาเองมีชื่อว่า NIKE Inc.  สาเหตุมาจากความขัดแย้งทางธุรกิจ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ในปี 1981 ทาง NIKE และ BRS ก็ได้กลับมารวมบริษัทกันอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายผลิตรองเท้าสำหรับนักกีฬาวิ่งโอลิมปิกโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นโปรเจคใหญ่มาก ๆ

ในปี 1984 ทาง NIKE ได้ดึง Michael Jordan นักบาสเกตบอลชื่อดังมาร่วมงานด้วย ซึ่งทำให้ NIKE ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาดเป็นอย่างมาก โดยมีผลิตภัณฑ์ ที่ใช้ชื่อแบรนด์เป็นชื่อ “Jordan” ซึ่งปัจจุบัน Nike Inc. มีพนักงาน ทั่วโลกมากกว่า 23,000 คน และมีสำนักงานใหญ่อยู่ 2 แห่ง คือที่เมืองโอเรกอน ประเทศอเมริกา และประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้เพิ่มไลน์การผลิตครอบคลุมประเภทกีฬาอื่น ๆ เช่น เบสบอล อเมริกันฟุตบอล เทนนิส ฟุตบอล ฯลฯ โดยมีสโลแกนทางตลาดว่า “Just Do It” พร้อมกับสัญลักษณ์เครื่องหมาย “ถูก” ที่หมายถึง “It’s Right” มาจนถึงทุกวันนี้

ที่มา : https://www.maratonasant-antonio.com

ประวัติรองเท้าวิ่ง Nike เหตุผลที่คนชอบ และนิยมตลอดกาล

 

ประวัติรองเท้าวิ่ง Nike เหตุผลที่คนชอบ และนิยมตลอดกาล

ทำความรู้จักประวัติรองเท้าไนกี้ และรุ่นรองเท้าสุดฮิตที่ต้องมี

ในปัจจุบันคงไม่มีใครไม่รู้จักNike แบรนด์รองเท้า และแบรนด์อุปกรณ์กีฬาชื่อดังระดับโลกที่หลายคนนึกถึง โดย Nike เป็นแบรนด์ที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลายไม่ว่าจะเป็นเสื้อ กางเกง กระเป๋า หมวก รองเท้ากีฬาต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีสินค้าเกี่ยวกับอุปกรณ์กีฬาอีกหลากหลายประเภท และมีประวัติมาอย่างยาวนานจนทำให้กลายเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมระดับโลกอย่างเช่นในปัจจุบัน

ประวัติแบรนด์ Nike

โลโก้แบรนด์ไนกี้

Nike (ไนกี้) เป็นแบรนด์อุปกรณ์กีฬาสัญชาติอเมริกา ที่มาพร้อมกับโลโก้แบรนด์ที่ทำให้ทุกคนสามารถจดจำมาได้จนถึงปัจจุบัน ซึ่ง Nike ก่อตั้งโดย Bill bowerman และ Philip Hampson Knight มีจุดเริ่มต้นมาจาก ฟิล ไนต์ นักวิ่งของมหาวิทยาลัยโอเรกอน ได้รู้จักกับ บิลล์ บาวเวอร์แมน ซึ่งเป็นโค้ชของมหาวิทยาในขณะนั้น ด้วยทั้งคู่ต่างต้องการรองเท้าคุณภาพเยี่ยม น้ำหนักเบา และมีความทนทาน เพื่อใส่วิ่งแข่งขัน ต่อมาในปี 1962 ระหว่างที่ ฟิล ไนต์ ค้นคว้าข้อมูลรองเท้า ก็พบกับข้อมูลแบรนด์ Onitsuka Tiger Company รองเท้ากีฬาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีคุณภาพดีและราคาถูกกว่าสินค้ากีฬาจากประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้นำตลาดรองเท้าอเมริกาอยู่ในขณะนั้น เมื่อเขามีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมชมโรงงาน Onitsuka Tiger Company ที่ประเทศญี่ปุ่น ได้ชักชวนให้ Tiger นำรองเท้า Onitsuka Tiger เข้ามาจำหน่ายในอเมริกา โดยใช้ชื่อสินค้าว่า Blue Ribbon Sports หรือที่รู้จักกันในชื่อ BRS ซึ่งเป็นชื่อเดิมของแบรนด์ Nike พร้อมก่อตั้งบริษัทร่วมกับ บิลล์ บาวเวอร์แมน ในชื่อ BRS Inc.

และในปี 1970 บิลล์ บาวเวอร์แมนได้มีการทดลองทำพื้นรองเท้ายางจากเครื่องอบขนมวาฟเฟิล นี่ถือได้เป็นจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญของแบรนด์ Nike เพราะพื้นรองเท้าที่นุ่มสบายจากการทดลองของบิลล์ได้กลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรองเท้าวิ่งไนกี้มาจนถึงปัจจุบัน จากนั้นปี 1971 บิลล์ บาวเวอร์แมน ได้มีการจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาชื่อว่า Nike Inc. พร้อมออกแบบแบรนด์รองเท้า Nike เพื่อเจาะกลุ่มนักกีฬากรีฑาในโอลิมปิกโดยเฉพาะ อีกทั้งยังสร้างเอกลักษณ์ให้แบรนด์ด้วยการเปิดตัวโลโก้เครื่องหมายถูกที่มีชื่อเสียงและเป็นที่คุ้นเคยมาจนถึงทุกวันนี้ และปี 1981 ทางบริษัท BRS และ Nike ได้ควบรวมบริษัทเข้าด้วยกันเพื่อทำธุรกิจรองเท้าและอุปกรณ์กีฬาอย่างเป็นทางการ ด้วยเหตุนี้เองทำให้ชื่อของ Nike ได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลกมากขึ้น

กระทั้งปี 1984 ทางไนกี้ได้ ไมเคิล จอร์แดน นักบาสเกตบอลชื่อดังเข้ามาร่วมงาน ทำให้ชื่อแบรนด์ Nike ได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลกอย่างล้นหลาม และ Nike ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ของแบรนด์โดยการออกผลิตภัณฑ์ที่ใช้ชื่อแบรนด์เป็นชื่อของ “จอร์แดน” อย่างชื่อรุ่นรองเท้าที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน อาทิ รองเท้า Air Jordan 1 Mid หรือรองเท้าบาสเกตบอล Jordan React Elevation PF เป็นต้น นอกจากนี้ Nike ได้พัฒนาตัวรองเท้าไปในรูปแบบต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์สายกีฬาไม่ว่าจะเป็นรองเท้าวิ่ง รองเท้าบาสเกตบอล รองเท้าฟุตบอล รองเท้าเทนนิส รวมถึงรองเท้ากีฬาประเภทอื่น ๆ (อ้างอิง Wikipedia ไนกี้)

และทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่ากีฬาประเภทการวิ่ง หรือการออกกำลังกายด้วยการวิ่งนั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และผู้คนยังสนใจการเลือกรองเท้าวิ่งนำมาสวมใส่ในการทำงานหรือใส่เป็นรองเท้าลำลอง รวมถึงรองเท้าในการวิ่งออกกำลังกายหรือแม้แต่การเล่นฟิตเนส และ Nike ยังได้มีการผลิตรองเท้าวิ่งออกมาหลากหลายรุ่นที่น่าสนใจและเป็นที่นิยมอีกด้วย nike รองเท้าวิ่ง จะมีรุ่นไหนน่าสนใจบ้างไปดูกัน

รองเท้าวิ่ง Nike รุ่นไหนดี 

Nike Air Max 270 React SE

Nike Air Max 270 React SE

Nike Air Max 270 React SE

รองเท้าวิ่ง Nike ซีรีย์ยอดนิยมอย่าง Air Max กับดีไซน์รองเท้าที่เป็นเอกลักษณ์โดยดีไซน์นำแรงบันดาลใจมาจากรองเท้ารุ่นตำนานของ Air Max ตัวพื้นรองเทารุ่นนี้เป็นโฟม ที่เน้นความนุ่มของตัวรองเท้าสวมใส่สบายไม่รู้สึกหนัก สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวลว่าจะเจ็บเท้า

Nike ZoomX Invincible Run Flyknit

Nike ZoomX Invincible Run Flyknit

Nike ZoomX Invincible Run Flyknit

รองเท้าวิ่งยอดนิยมอีกรุ่น ที่มาพร้อมโฟมน้ำหนักเบาสัมผัสนุ่ม ช่วยระบายอากาศได้ดีและให้ความแน่นกระชับต่อตัวเท้าในขณะสวมใส่ 

Nike Zoom Fly 3

Nike Zoom Fly 3

Nike Zoom Fly 3

รองเท้าวิ่งที่มาพร้อมความหนาของตัวพื้นรองเท้าที่เป็นเอกลักษณ์พร้อมความพิเศษที่บริเวณชั้นกลางพื้นรองเท้าจะมาความยาวตลอดแนวรองเท้า ที่ช่วยซัพพอร์ตเท้าและเพิ่มความสมดุลในการวิ่งอีกทั้งลดแรงกระแทกเพิ่มความยืดยุ่นให้แก่ตัวรองเท้าได้อย่างดีเยี่ยม 

Nike Joyride Dual Run

Nike Joyride Dual Run

Nike Joyride Dual Run

รองเท้าวิ่งที่เน้นความกระชับให้แก่ตัวเท้า ให้ความรู้สึกเบาสบายเมื่อสวมใส่ และสามารถลดแรงกระแทกได้ดีด้วยเม็ดโฟมขนาดเล็กในพื้นรองเท้า สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว รองเท้ารุ่นนี้ซัพพอร์ตเท้าได้ค่อนข้างดีมาก อีกทั้งยังมีความนุ่มสบาย และระบายอากาศที่ดีเยี่ยม 

Nike React Infinity Run Flyknit 2 

Nike React Infinity Run Flyknit 2

Nike React Infinity Run Flyknit 2

รองเท้าวิ่งที่มาพร้อมโฉมใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี Flywire โดยผสานเข้ากับ Flyknit เพื่อการรองรับแรงกระแทกและการระบายอากาศในจุดที่ต้องการ รวมถึงส่วนพื้นรองเท้าที่เป็นโฟมยกตัวหนาให้ความนุ่มนวลและสบายเท้า โดยดีไซน์มาเพื่อช่วยให้สัมผัสถึงศักยภาพของรองเท้าเมื่อเท้าสัมผัสกับพื้นถนน

ที่มา : https://www.ktc.co.th/article/lifestyle/nike-running-shoes-history

 

NIKE มีความเป็นมาอย่างไรลองไปดูกัน

  NIKE มีความเป็นมาอย่างไรลองไปดูกัน NIKE มีความเป็นมาอย่างไรลองไปดูกัน วันนี้ทางเราจะพาทุกท่านไปดูว่าวิวัฒนาการของ NIKE ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด...